เสพย์ประสบการณ์กาแฟยังไงให้คุ้มค่า
Coffee Tasting, Sensory Science, Taste Note, How to enjoy coffee, coffee experience
“ดริปกาแฟเองที่บ้านประหยัด…💸” แทบทุกคนเชื่อมั่นแบบนั้น มาจนถึงวันที่ต้นทุนเฉพาะเมล็ดกาแฟหนึ่งเสิร์ฟราคาทะลุร้อย 😂 (นี่ยังไม่นับอุปกรณ์หลักหลายหมื่น💀) จนคนรอบข้างเริ่มสงสัยว่า ไอกาแฟถุงละเกือบพัน ชงได้ไม่กี่ทีเนี่ยมันคุ้มจริง ๆ เหรอ… (จนเราเองก็เริ่มสงสัยเหมือนกัน 😂)
ทุกวันนี้คำว่า “ประสบการณ์กาแฟ” เริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้น เพราะกาแฟสำหรับหลาย ๆ ไม่ใช่เครื่องดื่มที่ดื่มเพื่อคาเฟอีน หรือเพื่อให้ตื่นอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นการเสพย์ “ประสบการณ์” ที่แตกต่างกันออกไปในทุก ๆ ครั้งที่ชง
ในบทความนี้ ZMITH จะมาชวนคุยถึงการ “เสพย์” ประสบการณ์กาแฟกัน… อ่านบทความนี้จบ เราจะเข้าใจว่า กาแฟหนึ่งเสิร์ฟ ไม่ได้เริ่มต้นที่เริ่มจิบ และจบที่ล้างแก้ว…
Pre Brew : Psychological Experience
ประสบการณ์กาแฟก็เริ่มต้นตั้งแต่เราเริ่ม “อยาก🤤” กาแฟ หรือไถ FB ไปเจอกับกาแฟที่เรา “อยากชิม” แล้ว ทีนี้เพราะช่วงนี้สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ที่ชื่อว่าโดพามีน(Dopamine) จะพุ่งสูงในช่วงที่เกิดความคาดหวัง และจะพุ่งสูงขึ้นอีกทีในตอนที่เราสมหวัง… ซึ่งถ้าในสมองเรามี Dopamine สูง เราจะรู้สึกฟินนนน (คำว่า “โดป/Dope” ก็มาจากชื่อสารตัวนี้แล)
ทั้ง Packaging, Taste Note ทั้ง Design การใช้สี และ Wording ล้วนมีส่วนในการสร้างความคาดหวังขึ้น เมื่อเราเริ่มคาดหวังระดับโดมามีนในสมองเราจะสูงขึ้น นอกจากนั้นเราจะเริ่มจินตนาการถึงกลิ่นรสต่าง ๆ แบบห้ามไม่ได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมในการตัดสินกาแฟประกวด กรรมการจะได้รู้แค่เพียงรหัสสุ่มเป็นเลขสามหลักเท่านั้น เพราะแค่สีถุงก็เพียงพอที่จะทำให้เกิด Sensory Bias ได้แล้ว
ส่วนผู้บริโภคอย่างเรานั้น เราสามารถ Enjoy กับความคาดหวังของตัวเองได้โดยไม่มีปัญหา หลายคนชอบความรู้สึกลุ้นมากกว่าประสบการณ์จริงซะอีก บางครั้งความรู้สึก “ก่อน” เริ่ม Brew กาแฟก็รุนแรงซะจนเราทนไม่ไหว ต้องแกะกาแฟก่อนที่จะ Degas เสร็จ 😂
The Brew : Experience the FLOW
มาถึงขั้นตอนการ Brew ตรงนี้เป็นประสบการณ์ที่สำคัญจุดนึงของการเสพย์กาแฟเลย สำหรับคนที่ Brew กาแฟเป็นประจำจน “คล่อง” แล้ว เราจะเริ่มรู้สึกดีตั้งแต่เตรียมของ ไปจนถึงจบกระบวนการ Brew เลย
การทำอะไรที่เราคล่อง และไหลลื่นไม่มีสะดุดจะทำให้เกิดภาวะ(ทางจิต)ที่เรียกว่า Flow ขึ้น ซึ่ง Flow เป็นภาวะที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขแบบแปลก ๆ ตัวเรามันหายไป มีแต่ความเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น และกาแฟตรงหน้าเท่านั้น (Zen มั่ก ๆ)
ถ้าสิ่งที่ทำมันง่ายเกินไป และผลลัพท์ที่ได้ซ้ำซากจนไม่มีอะไรให้ลุ้น Flow ก็จะไม่เกิด และเราก็อาจจะ “เบื่อ” กิจกรรมนั้นในที่สุด แต่สำหรับกาแฟที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันจะทำให้ “ความซ้ำซาก” นั้นหายไป เริ่มตั้งแต่กลิ่นที่เราได้ตั้งแต่เริ่มบดกาแฟเลย
- Fragrance -
มีใครชอบกลิ่นกาแฟตอนที่เป็นผง มากกว่าตอนชงแล้วบ้างยกมือขึ้น🤚🏼… ไม่แปลกครับ ผมเองก็เป็นเหมือนกัน กลิ่น Fragrance เป็นประสบการณ์กาแฟเฉพาะตัวของวัฒนธรรมกาแฟ Specialty เพราะร้านกาแฟสดทั่วไปคงไม่ยื่นผงกาแฟมาให้เราดมก่อน ยิ่งตู้อัตโนมัติแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ในกาแฟนั้นมีสารหอมระเหย (Volatile Compounds) อยู่นับพันชนิด ซึ่งสารประกอบบางตัวก็มีน้ำหนักเบา และจะระเหยออกมาให้เราได้กลิ่นตั้งแต่เป็นผงแห้ง และอาจจะไม่เหลืออยู่แล้วหลังจากที่ผงกาแฟถูกน้ำร้อน เป็นเหตุให้บางครั้งกลิ่นที่เราได้ตอนดมผงแห้งนั้น ไม่มีอยู่ในน้ำกาแฟหลัง Brew เสร็จ
- Aroma -
เมื่อเราเริ่มเทน้ำ Bloom ลงไปที่ผงกาแฟ ตอนนี้จะเป็นช่วงที่สารประกอบที่มีน้ำหนักมากกว่าจะเริ่มมีโอกาสได้ระเหยออกมาให้เราได้กลิ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำเข้าไป “พา” เอาอนุภาคที่ติดอยู่ในโพรงเซลส์กาแฟออกมาก และส่วนหนึ่งก็ลอยตามไอน้ำออกมา
ซึ่งช่วงนี้กลิ่นที่เกิดจากปฏิกิริยาไมอาร์(Maillard) เช่น Sugar Browning, Nutty, Cocoa จะลอยออกมามากเป็นพิเศษ โมเลกุลที่มีน้ำหนักน้อยกว่า(ที่ออกมาตอน Fragrance) ก็ยังมีอยู่ แต่ในอัตราส่วนนี่น้อยลง
- The Process of Brewing -
ความคล่องแคล่วเชี่ยวชาญ(Mastery) ในขั้นตอนการ Brew บวกกับสิ่งที่แปลกใหม่ไปทุกครั้งอย่าง Fragrance กับ Aroma เป็นสององค์ประกอบชั้นเยี่ยมที่จะทำให้เกิด FLOW ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หลายคนต้องการ ซึ่งถ้าหมั่นฝึกฝนจนมี Mastery ในระดับนึงแล้ว ประสบการณ์กาแฟจะทำให้รู้สึกดีได้ในทุก ๆ วันโดยที่ยังไม่ต้องจิบกาแฟสักจิบด้วยซ้ำ
Tasting : Sensory Experience
มาถึงจุดตรงที่คนส่วนใหญ่เคยคิดว่าเป็น “ทุกสิ่ง” ของกาแฟ นั่นก็คือ “กลิ่นรส(Flavor)” ซึ่งเป็นการรวมเอาสัมผัสทาง กลิ่น(Olfactory) รส(Taste) สัมผัส(Mouthfeel) ไว้ด้วยกัน ซึ่งเราจะเริ่มสัมผัสได้หลังจากกาแฟเริ่มเย็นลงพอที่เราจะจิบได้แล้ว (กาแฟช่วงร้อนมีไว้ดม ไม่ใช่ดื่ม มันจะลวกปาก😅)
- Flavor -
ถ้าจะว่ากันตามตรง Flavor อาจสัมผัสได้จากประสาทสัมผัสหลักสามอย่างคือ กลิ่น รส สัมผัส แต่ทุกวันนี้เรารู้แล้วว่า สมองเราประมวลผลทุกอย่างร่วมกัน ดังนั้น การมองเห็น(Visual) การได้ยิน(Audio) และแม้แต่อารมณ์(Emotion) ก็มีส่วนในการตีความ Flavor ของสมองด้วย ซึ่งประสบการณ์กาแฟทุกวันนี้ต้องถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ประกอบด้วยอายตนะทั้ง 6 โดยแท้ทรู
- Cooled Down Coffee -
เมื่อกาแฟเย็นลง รสชาติจะเปลี่ยน !! ดังนั้นต่อให้กาแฟอร่อยขนาดไหน ก็อย่าเพิ่งรีบกระดกจนหมดเกลี้ยง (ถึงแม้ว่าบางทีจะห้ามใจได้ยากมากก็ตาม😂) เหตุผลนึงที่อาจจะเป็นที่ตัวเรามากกว่ากาแฟ นั่นคือประสาทการรับรสของเราทำงานได้ไม่เท่ากันในแต่ละช่วงอุณหภูมิ ดังนั้นรสที่รับได้ช่วงร้อน อุ่น เย็น จึงไม่เหมือนกัน
อีกอย่างคือช่วงร้อน สารประกอบที่เป็นกลิ่นของกาแฟจะระเหยออกไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อเราชิมกาแฟที่อุณหภูมิ หรือช่วงเวลาหลัง Brew ที่เปลี่ยนไป ก็เท่ากับว่าเราชิมกาแฟที่มีสัดส่วนองค์ประกอบเปลี่ยนไปจากเดิมนั่นเอง บางครั้งกลิ่นรสเมื่อกาแฟเย็นตัวลงอาจจะต่างกับตอนเพิ่ง Brew เสร็จใหม่ ๆ มาก อย่างเช่นในกรณีของกาแฟโรบัสต้า (C.Canephora)
- Aftertaste -
หลังจากกลืนกาแฟลงไปแล้ว จะยังมีกาแฟ และสารประกอบส่วนหนึ่งที่ติดอยู่กับส่วนต่าง ๆ ในปากของเรา เช่นที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือด้านหลังคอ ซึ่งมันยังสามารถระเหยขึ้นไปในจมูกด้านหลัง(Retronasal) ให้เรายังรับกลิ่นได้เวลาที่เราหายใจออก กลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า Aftertaste ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์กาแฟที่เป็นที่รู้จักกันดี
Conclusion
สรุป
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เมล็ดกาแฟเสิร์ฟละร้อย สองร้อย หรือหลายร้อยบาท อาจจะไม่ได้เป็นของแพงอีกต่อไป… เพราะข้ออ้างเราเยอะ 🤣 ไม่ใช่!!! เป็นเพราะประสบการณ์กาแฟแต่ละครั้ง มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก กาแฟ Specialty นั้นราคาสูง เพราะมันเป็นของมีคุณค่า มันคือผลรวมของความพยายาม และความตั้งใจของคนจำนวนมาก
และประสบการณ์กาแฟไม่ได้มีแค่รสชาติกาแฟที่จิบเข้าปาก แต่เริ่มตั้งแต่การเลือก ลุ้น บด ชง ชื่นชมส่วนต่าง ๆ ของกลิ่นรส และเมื่อทุกอย่างจบลง สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือความทรงจำ ไม่ว่าจะชอบ หรือไม่ชอบ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะถ้าชอบ เราก็จะรู้ว่าเราควรมองหาอะไร หรือถ้าไม่ชอบเราก็อาจจะแก้ไข หรือหลีกเลี่ยงได้ในครั้งหน้า ซึ่งทุกอย่างเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล คนอื่นอาจจะมีความเห็นแตกต่างจากเราก็เป็นได้
เมื่อเราผ่านประสบการณ์มาอย่างมีสติ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเรียนรู้ และประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ZMITH ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ผ่านการสรรค์สร้างมาอย่างดีทั้งสิ้น
เพราะประสบการณ์คืองานคราฟท์
Comments